banner
จันทร์ ที่ 21 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2559 แก้ไข admin

สลาม....ที่ซอยนานา

 


 นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

                   นักศึกษาถามครูว่า ครูรู้จักซอยนานา ได้อย่างไร....!

                   สลาม แปลว่าอะไรครู..

                   ครูถามผู้นับถือศาสนามุสลิม...บอกว่าเป็นคำทักทาย เวลาที่ได้พบกัน

ใช้คำเต็มว่า “อัสสลามุอะลัยกุม วะเราะมะตุลลฮ วะบะเราะกาตฮ ”  แปลเป็นภาษาไทย “ ขอความสันติสุข ความเมตตา และความจำเริญจาก พระองค์อัลลอฮ จงประสบแด่ท่าน”

                   ครูตอบว่า ในปี 2553  ที่ต้องมาเป็นครูใหญ่บ้านอุปถัมภ์ มีเด็กที่มาจากซอยนานา สอง-สาม เคส  ซึ่งภาคีเครือข่ายทำงานครูข้างถนน ส่งมา ผู้ปกครองทำงานอยู่ที่ซอยนานา  แล้วซอยนานาเป็นอย่างไร คำถามที่ค้างคาใจมาตลอด 





                   เมื่อย้อนไป เดือนมีนาคม 2557 ครูเป็นผู้เข้าอบรม หลักสูตรผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสังคม รุ่นที่ 2 (นปปส.รุ่น 2) โดยมีการทำโครงการศึกษาแนวทางเชิงนโยบาย(รูปแบบที่เหมาะสม)ในการคุ้มครองสวัสดิภาพแม่และเด็กเร่ร่อนต่างด้าว  มีการพาลงพื้นที่ถนนสุขุมวิท ในวันที่เราลงพื้นที่มาจากมักกะสันเพื่อจะเดินทาง  ผ่านถนนเพชรบุรีซึ่งรถติดมาก

                    ครูและเพื่อนจึงรถหน้าโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พากันเดินเลาะถนนนานาซอย พากัน
มาถนนสุขุมวิท  ครูตกใจมากกับสถานการณ์ที่เห็นกลุ่มแม่และเด็กทุกคนคลุมหน้าด้วยผ้าคลุมกันทุกคนแบบอิสลาม แต่เดินขอเงินนักท่องเที่ยว  นักท่องเที่ยวเหล่านี้ตัวใหญ่ผิดสีดำ ไว้หนวด ไว้เครา ผมยาว บางคนก็ใส่หมวกด้วย บางคนก็ปล่อย ผมยาว ใส่เสื้อผ้าที่ยาวคลุมเข่า ทั้งชายและหญิง  ตั้งแต่ซอยนานาจนถึงสุขุมวิท 7 มีแต่ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกมีมากกว่าสองร้อย ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ มีโรงแรมเป็นที่พักกว่าสิบโรงแรม ตกเย็นที่คึกคักด้วยผู้คน

                   ในร้านร่วงขนาดใหญ่ที่ตั้งติดถนน เมื่อเดินเข้าไปมีร้านเล็กจำนวนมาก  มีครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ตำรวจจับเด็กไปหาครอบครัวไม่เจอครูจึงเดินหาครอบครัวเด็กถูกเด็กไทยหลอกในไปหลงอยู่ในร้านเล็ก เล็ก เป็นซอกเข้าไปเยอะมาก  มีแต่คนต่างชาติเป็นเจ้าของ ตั้งแต่ร้านเครื่องเทศ เครื่องสำองค์ รองเท้า เสื้อผ้าที่คนอารับใส่กัน  พร้อมร้านนวด  ร้านสปาเต็มไปหมด  คิดว่าตัวเองหลงอยู่ในต่างประเทศ  แถบอาหรับ หรือตุรกี ประมาณนั้น  แต่นักท่องเที่ยวที่ได้พบทั้งชายและหญิง เด็ก หน้าตาดี ดวงตาสวยมาก ผู้หญิงก็ไม่อ้วนรักษาหุ่นได้ดี ใส่ชุดปกปิดร่างกายอย่างปิดชิด  ผิวสีขาว ดูเป็นคนสุภาพ


                     ประหลาดใจมากว่าใช่ประเทศไทยไหม เหมือนการเดินอยู่ในประเทศแถวอาหรับ ตั้งแต่

ร้านอาหารราคาถูก จนถึงภัตตาคาร ราคาอาหารที่แพงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา ซอยจากสุขุมวิท 3/1 สามารถเดินทะลุออกไปยังซอยสุขุมวิท5 ต่อด้วยสุขุมวิท 7  แต่บริเวณนั้น มีร้านขายน้ำหอม กับเครื่องเทศ ปนกัน พร้อมกับกลิ่นของคนขายที่เป็นชายชาวอาหรับ  ซึ่งไม่มีคนไทยเลยสักคน เจ้าของร้านทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ  ครูจะกลับถึงที่พักจะมีอาการมึนหัวตลอดเพราะกลิ่นต่างๆ มันตีกัน สำหรับคนแพ้น้ำหอมราคาแพง

                   ในซอยที่เล็กเหล่านี้ เป็นร้านที่ขายของได้ดี  มีรองเท้ายีห้อดัง ที่ทั้งของแท้ ของเทียม  ครูดูไม่ออก เพราะไม่มีความรู้จริง ๆ  แต่ชาวต่างชาติพร้อมหนังสือท่องเที่ยวเดินตรงมายังร้านแบบเชียวชาญและคุ้นเคยเป็นอย่างมาก  ต่อราคาอย่างเป็นกันเอง

                                ในซอยใหญ่ที่เดินออกไปยังถนนอีกฝากหนึ่ง จะเป็นที่พักด้านขวามือ  แต่ด้านซ้ายมือข้างล่างเป็นร้านอาหารจำนวนหลายร้านที่ติด ติด กัน ด้านบนจะทะลุอาคารเชื่อมกัน เป็นสถานที่ละหมาดสำหรับคนที่ทำงาน หรือนักท่องเที่ยวก็สามารถทำกิจของศาสนาได้ 5 ครั้ง เป็นเสมือนมัสยิดที่อื่น ประกอบกิจของศาสนา  เป็นเสียงบอกเล่าของเด็กที่ได้เข้าไปร่วมละหมาด

                   เมื่อมีนักท่องเที่ยวพร้อมเป็นใจดีด้วย กลุ่มคนที่รู้จักซอยนานา แบ่งออกเป็นสองกลุ่มด้วยกัน  ในช่วงกลางวันจะมาจากชุมชนที่สาธร  และชุมชนที่ใกล้สะพานพุทธ   ในช่วงกลางคืน ตั้งแต่หลังเวลาพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว  จะเป็นพี่น้องพร้อมเด็กที่ชุมชนโค้งรถไฟยมราช

                   อาชีพที่ทั้งเด็กเล็ก เด็กโต ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ คนพิการ ทั้งชายและหญิงมา “เก๊าะ”   หรือบางคนก็บอกว่ามา “สลาม” เริ่มต้นมาจากอะไร เป็นคำถามที่คนทำงานอย่างครูตั้งประเด็นไว้

                   ด้วยคนในชุมชนแห่งหนึ่งเป็นมุสลิม ที่มาในช่วงกลางวันตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนถึงประมาณห้าโมงเย็น ส่วนใหญ่ก็จะพาลูก พาหลานมาขอเงินนักท่องเที่ยวที่เป็นชาวอาหรับ   ซึ่งเป็นบุคคลที่นับถือศาสนามุสลิม การแบ่งปันให้คนยากไร้จึงเป็นการทำบุญ





                   จึงเป็นช่องทางของกลุ่มที่มาขอความเมตตา  แต่ที่สำคัญที่สุดคือเด็กเหล่านี้ไม่ได้รับโอกาสทางการศึกษา หรือบางคนเข้าถึงสวัสดิการอื่นๆเลย  กลายเป็นการสร้างตราบาปให้เด็ก ถึงแม้วันนี้ท้องจะอิ่ม แต่อนาคตของเด็กไม่มี 

                   สำหรับในช่วงกลางคืนตอนนี้ จะเริ่มตั้งแต่เวลาหนึ่งทุ่มจนถึงตีสอง  กลุ่มแรกที่มากที่สุดคือกลุ่มเด็ก ผู้หญิง ผู้สูงอายุ คนพิการ จากชุมชนโค้งรถไฟยมราช นับเป็นเครือญาติไม่ต่ำกว่า 17 ครอบครัว มีจำนวนกว่า 50 กว่าคนทุกคืน   อีกกลุ่มเป็นเด็กและแม่ชาวพม่า  ชาวกัมพูชา กลุ่มหลังนี้จะมาดึกหน่อยประมาณหกทุ่มขึ้นไป   ซึ่งปะปนกันในการเดินขอเงินตั้งแต่ถนนซอยนานา  ในซอยสุขุมวิท3/1  ซอยสุขุมวิท 5 และสุขุมวิท 7

                   สำหรับในซอยสุขุมวิท 3/1 ส่วนมากที่มานั่งขอประจำ  มีแม่ลูกคู่หนึ่ง เป็นชาวกัมพูชา เด็กจะหัวโต อายุประมาณ 13 ปี นอนอยู่ในรถเข็น จะมีแม่คอยนั่งอยู่ด้วยพัดให้ลูก เด็กเองก็พูดไม่ได้ด้วย  เน้นไปเรื่องความน่าสงสาร  สำหรับเคสนี้ตำรวจที่เข้ามาสำรวจหรือหน่วยงานไหนส่วนมากจะเฉยๆกับแม่ลูกคู่นี้ เพราะจะเน้นเพื่อขอไปรักษาโรคที่ลูกเกิด  แม่เล่าให้ฟังว่า ในสามเดือนจะพาลูกกลับกัมพูชา เพื่อพาลูกไปตรวจ และให้หมอดูอาการตลอดจนรับมายามากิน แต่ช่วงหลังลูกจะไม่สบายบ่อยมาก กลับไปครั้งนี้นอนโรงพยาบาลยาวเกือบสองเดือน  เงินที่คนให้ก็มาเป็นค่ารักษาพยาบาล  ถ้าอยู่ที่ประเทศ  คงตายไม่นานแล้ว  ฉันเป็นคนจนทำอย่างไรได้ เอาความน่าสงสารของลูกมาขาย  เอาความเวทนาสงสารแปรมาเป็นเงินเลี้ยงทั้งฉันและครอบครัว  ใครจะด่าจะว่าอย่างไร ทุกคนไม่ได้มาเป็นแม่อย่างฉันไม่รู้หรอกถึงความเจ็บปวด  ความกลัว  ความอาย ต่อสายตาที่ทุกคนมองมาที่ลูกฉัน  บางคนก็ใจดีมากซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดให้ ซื้อนมอาหารเสริม หรือแม้แต่เสื้อผ้าที่เขาควรได้ใส่  สำหรับฉันถือว่าคนในซอยเขาเมตตาฉันกับลูก นักท่องเที่ยวเองก็จะให้ครอบครัวของฉันอยู่รอดในแต่ละวัน

                   กลุ่มผู้สูงอายุ คนพิการ ส่วนมากก็มักจะเดินของ  สำหรับผู้สูงอายุผู้หญิง มีครั้งหนึ่งที่ผู้เขียนลงพื้นที่ตั้งแต่ห้าโมงเย็น แต่นั่งที่ทางเดินมาซอยนานา ตรงสุขุมวิท 1 ได้เห็นผู้สูงอายุผู้หญิง มาเปลี่ยนเสื้อผ้า  ตอนมาจากบ้านใส่กางเกงมา แล้วเปลี่ยนมาใส่ผ้าถุงสีนำเงิน เอาผ้าคลุมผมสีดำมาใส่ ที่หัว  แล้วก็เดินมานั่งที่ซอยสุขุมวิท3/1  มีคนหลายกลุ่มหลายชุมชน หลายเชื้อชาติ กลุ่มที่นั่งส่วนมากจะเป็นคนอ้วนเดินไม่ค่อยไหว  เมื่อนักท่องเที่ยวเดินผ่านจะหยอดเงินใส่กระป๋องพลาสติกให้  และมีผู้สูงอายุนั่งรถเข็นเป็นคนอ้วนอยู่ด้วย เข็นรถไปเรื่อยๆ พอนักท่องเที่ยวเดินมาก็จะแบบมือ สังเกตเห็นจะใช้มือขวาในการแบ  แล้วยกมือแตะที่ปาก เป็นสัญลักษณ์ว่าฉันหิว จะเอาที่ได้มาไปซื้ออาหารกิน หรือซื้อให้ครอบครัว

                   ผู้สูงอายุอีกกลุ่มหนึ่ง กลุ่มนี้จะแข็งแรง  แต่งตัวเหมือสตรีมุสลิมทุกประการโพกผ้าด้วยสีดำ  แล้วใช้วิธีการเดินไปแตะหรือสะกิด  เรียกว่าเข้าไปประชิดตัวนักท่องเที่ยว  แล้วก็แบมือ  กลุ่มนี้จะมีทั้งหญิงและชาย  ส่วนมากจะเดินในซอยสุขุมวิท3/1 แต่จะมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าโรงแรมเกรซ  ในกลุ่มนี้จะมีบางคนมีกระเป๋ามาขาย หรือบางคนก็จะร้อยพวงมาลัยมาขายด้วย ติดตัวมาประมาณสาม-สี่ พวง  พวงมาลัยราคาพวงละ หนึ่งร้อยบาท และหอมมากใช้มะลิสด

                   สำหรับคนพิการจะกระจายตัวกันในซอยนานา ตั้งแต่นั่งที่ป้ายรถเมล์ มีเด็กผู้หญิงตาบอดจะยืนอยู่ในซอยสุขุมวิท3/1  เป็นทางเลี่ยงซอยที่เดินทะลุซอย5 ได้  เด็กผู้หญิงจะยืนสลับกัน บางคืนก็จะมานั่งที่หน้าร้านสะดวกซื้อตรงถนนนานา  เด็กผู้หญิงจะมีแม่มาคอยดูแลอยู่ห่างๆ โดยมีแก้วสีเขียวถืออยู่ที่ถือ ส่วนมากเป็นคนไทยแต่อยู่กันคนละแห่ง  จะมีคนพิการขาขาดนั่งอยู่บนล้อเลื่อนแต่เป็นชาวกัมพูชา จะเดินทางไปไหนได้รวดเร็วมาก ช่วงหลังไม่ค่อยได้เห็นที่นานา




                   ในกรณีของเด็กจะมีหลายกลุ่มมาก ตั้งแต่เด็กที่ยังเล็กอยู่ แม่จะพาอุ้มเดิน เดินไปตามนักท่องเที่ยว การเดินก็จะเข้าไปสะกิดตัว ส่วนมากจะเน้นไปที่นักท่องเที่ยวผู้หญิง แล้วจะชี้มาเด็กน้อยที่แม่กำลังอุ้มอยู่ ชี้มาที่ปากของตัวเองและเด็ก  ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะให้เงินกลุ่มนี้มาก

                   ส่วนกลุ่มเด็กเล็กอายุประมาณ สี่ขวบ จนถึงประมาณหกขวบ  ส่วนมากจะเดินของเอง แต่เด็กเหล่านี้มีเด็กหญิงชาย จำนวนมากกว่า 20 กว่าคนต่อปี  เด็กน้อยเหล่านี้เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวหญิงเดินมาทั้งครอบครัว เด็กหญิงจะเดินร้องไห้พร้อมกับกระโดดกอดขาของนักท่องเที่ยว  ส่วนมากนักท่องเที่ยวจะหันมาพร้อมกับยื่นสตางค์ให้  หรือบางคนไม่ให้ก็จะเป็นของกิน เช่น ขนม นม หรืออาหารของอิสลาม บางครั้งก็แบ่งเสื้อผ้าของลูก ของเล่นให้เด็กเหล่านี้

                   สำหรับกลุ่มช่วงอายุตั้งแต่เจ็ดปีขึ้นไป กลุ่มนี้จะเดินขอไปทั่ว ในบริเวณซอยนานา ถ้าเด็กคนไหนท่องบทสวดคัมภีร์อัลกุรอาน ได้  นักท่องเที่ยวผู้ชายจะให้เงินจำนวนมาก ถือว่าเป็นคนศาสนาเดียวกันต้องแบ่งปันกับคนที่ตกทุกข์ หรือกลุ่มที่ด้อยโอกาสกว่า และมีบางครั้งที่มีคนป่วยมาจากประเทศแถบอาหรับ แล้วมาหายหรือได้รับการผ่าตัดที่ดี คนป่วยเหล่านี้จะพาครอบครัวมาเที่ยว มาเดินแจกเงินให้กับเด็ก เด็ก  โดยให้เด็กยืนเข้าแถว  เขาถือว่าเขาป่วยสิ่งของ ทรัพย์สินที่ดีต้องแบ่งปันให้คนอื่น  ซึ่งส่วนมากก็จะมีเดือนละครั้งสองครั้งเป็นประจำ



                   จะมีอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มเด็กวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 13 ปีขึ้นไป กลุ่มนี้จะมีบางคนที่เข้ามาเป็นลูกจ้างขายของตามร้าน  หรือบางคนก็ไปรับของจากร้านมาก่อน แล้วมาเดินขายในราคาที่ถูกกว่าบาทหรือสองบาท แต่ก็ได้กำไรที่พออยู่ได้  และบางร้านให้กำไรครึ่งต่อครึ่งเป็นของเด็กเหล่านี้  ในขณะนี้มีประมาณ หกคน แต่เด็กกลุ่มนี้มีทั้งเด็กไทย กัมพูชา และพม่า  สำหรับเด็กไทยได้เรียนหนังสือ แต่ชาวต่างด้าวสองคนไม่ได้เรียนหนังสือเลย  แต่พูดและสื่อสารภาษาไทยได้อย่างชัดเจน

                   ผู้คนในซอยนานามีมากมาย หลากหลายชาติพันธุ์ การทำงานหาเงินที่จะเลี้ยงคนในครอบครัวก็หลากหลายวิธีการทำงาน  แต่ที่ห่วงสุดคือกลุ่มเด็กทั้งหลายเพราะหลายครอบครัวเอาเด็กมาด้วย เด็กเหล่านี้ใช้ชีวิตที่ซอยนานากันตั้งแต่หนึ่งทุ่มจนถึงตีสอง  กลับถึงชุมชนก็ตีสาม กว่าจะได้นอนเกือบสว่างแล้ว  การที่จะลุกขึ้นไปโรงเรียนจึงเป็นปัญหาของเด็กและครอบครัว จึงเป็นเหตุหนึ่งทำให้เด็กต้องหยุดเรียน  ถึงไปเรียนก็ต้องไปนอหลับ

                   ถึงแม้หลายหน่วยงานที่ลงไปทำอย่างต่อเนื่อง  สิ่งหนึ่ง ในซอยนี้จะถูกประทับตราว่า เป็น “กลุ่มค้ามนุษย์” ทั้งหมด  ถ้ามีการแยกแยะครอบครัว และเคส  ตลอดจนถึงทำความเข้าใจของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในเรื่องการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง  โดยเด็กทุกคนต้องได้เรียนหนังสือ ได้รับสวัสดิการขั้นพื้นฐาน ที่เด็กต้องได้รับ

                   “บุคคลที่รับผิดชอบในขณะนี้มีบางคนที่อาศัยน้ำพักน้ำแรงของคนด้อยโอกาสเหล่านี้เป็นเครื่องในการหาผลประโยชน์กับตนเอง  คนเหล่านี้เอาเปรียบมนุษย์อย่างมาก  คนของรัฐต้องรีบกำจัดให้พ้นจากหน่วยงานเร็วที่สุด ”

                        สำหรับในฐานะที่เป็นครูข้างถนน ที่ลงเข้าไปเรียนรู้ในพื้นที่ นี้ เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจมาก ยังมีผลประโยชน์ซับซ้อนอยู่มาก  ในขณะเดียวกันก็เป็นพื้นที่ให้กลุ่มคนด้อยโอกาสอีกกลุ่มได้ทำมาหากิน เลี้ยงครอบครัวได้  จะบอกว่าคนเหล่านี้ขี้เกียจ ก็ใช่ว่าจะถูกทั้งหมด  แต่สิ่งหนึ่งก็การชักนำ ชักจูง อย่างไร ให้คนเหล่านี้กลับไปทำมางานที่สุจริต หลายเช่นครอบครัวได้ทำแล้ว

                   ซอยนานานไม่มีวันหลับทั้งกลางวันและกลางคืน  เป็นซอยที่มีสีสัน เสน่ห์ ให้คนต่างชาติ ต่างศาสนา มาท่องเที่ยว  แม้แต่ของฝากก็มีความหลากหลาย กลิ่นเครื่องเทศ น้ำหอมก็ยังสิ่งเย้ายวนให้คนลองมาเที่ยว ลองซื้อ