banner
จันทร์ ที่ 14 เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.2559 แก้ไข admin

พ่อค้าตัวน้อย...ขายขนมเลี้ยงครอบครัว




 นางสาวทองพูล บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

                   ทุกคืนผมจะมาที่อโศกพร้อมด้วยถาดใส่ขนม ให้แต่วันไม่เหมือนกัน  แล้วแต่ป้าผมจะทำ

หน้าที่ขายเป็นหน้าที่ผมกับพี่ชาย  พี่ชายจะมาหาผมหลังเวลาสองทุ่มครึ่งไปแล้ว

                   พี่ชายจะมีหน้าที่หอบถุงขนมที่ป้ากับพ่อทำมากเพิ่มให้ผมขาย

                   บางครั้งผมหลับหรือเหนื่อยมาก ก็เป็นหน้าที่ของพี่ชายที่จะต้องเดินจากซอยอโศกไปสุขุมวิท 11  กว่าจะขายแต่ละคืนก็เที่ยงคืน

                   ตอนผมเล็ก เล็ก ผมกับพี่ชาย น้องสาว พร้อมกับป้า ถูกจับว่าเป็น “ค้ามนุษย์”

                   ผมกับพี่ชายถูกส่งตัวไปอยู่ที่สถานสงเคราะห์แห่งหนึ่ง

                   น้องสาวเป็นอยู่ที่สถานสงเคราะห์บ้านเด็กหญิง

                   ป้า ผม ซึ่งในช่วงกลางวันทอดกล้วยแขกที่ชุมชนคลองตัน ตอนเย็นก่อนสามปีนั้น พวกผมจะขอเงินจนถึงเที่ยงคืน  แล้วพวกเราก็ถูกตำรวจจับ

                   แยกกันหมด ป้าถูกส่งเข้าเรือนจำไป 84 วัน  แล้วป้าไปตามหาพ่อเพื่อไปรับพวกผม พี่ชาย น้องสาว กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

                   เริ่มต้นที่จะทำขนมขายเมื่อปีที่แล้ว บางคืนขนมที่ทำมาขายไม่ได้เลยพวกเราต้องอด ข้าวก็ไม่มีกิน  จะไปขอเขาอีกมีคนให้นะ กว่าจะ

                   การเพียรพยายามขายได้เป็นที่รู้จัก ของคนที่เดินผ่านไป-ผ่านมา มีหลายครั้งขนมที่ทำก็ไม่อร่อย หรือการทำแต่เช้าจะมาขายตอนเย็นก็บูดแล้วก็มี

                   ป้าเป็นหญิงผู้สูงอายุ ประมาณ ห้าสิบกว่า กว่า  ร่างกายอ้วนใหญ่

                   มีอาการปวดที่หัวเข่า เป็นความดัน  เหนื่อยง่าย มีอาการหอบ  ด้วย  ป้าจึงต้องหาหมออยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะอาการมึนหัว เนื่องจากการนอนไม่พอ

                   ป้าจะตื่นตั้งแต่ตีสี่ทุกวัน ไปซื้อข้าวของที่จะมาทำขนมที่ตลาดพระโขนง  มีทั้งแป้ง น้ำตาล กะทิ ข้าวเหนียว หรือบางครั้งก็มีขนมสำเร็จรูปมาบ้างเป็นครั้งคราว  ขนของเหล่านี้มาที่ชุมชน พวกเราพักกันที่ชุมชนคลองตัน

                   ป้ามาถึงก็จะปลุกพวกเราลุก เตรียมทำอาหาเช้า หุงข้าว เจียวไข่คนละฟองหรือบางครั้งก็มีหมูปิ้งคนละสองไม้ หรือมีแกงถุงมาจากตลาดเลย  เตรียมของให้ป้าในการทำขนม 

                   ป้าก็จะเอาเงินกองไว้ให้คนละกอง  กองละ 20 บาท สามคนก็  60 บาท บวกค่ารถอีกคนละ 18 บาท อีก 54 บาท พี่ชายผมจะเป็นเก็บเงินจำนวนนี้เป็นค่ารถสองแถว

                   พวกผมเดินออกจากชุมชนมาขึ้นไปโรงเรียน  คืนไหนขายของไม่หมด ผมก็จะเอาขนมติดใส่ถุงมาด้วยไปขายเพื่อนที่โรงเรียน  ขายบ้างกินบ้างแล้วแต่จะแบ่ง

                   ขนมบางครั้งมันก็ไม่อร่อยมาประสาเด็ก  แต่ผมเป็นคนขาย ผมจะไม่ทิ้ง อย่างไรผมก็จะกินให้หมด  เพื่อกลับบ้านจะไปบอกป้ามาอร่อยเพื่อน เพื่อน ชม

                   ขนมที่ป้าผมทำขนมและชอบมากที่สุดคือ ขนมมัน  ป้าผมจะเอามันสำปะหลังที่ต้มแล้วมาบดบี้กับแป้งมันและแป้งข้าวเจ้า ผสมกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน  แล้วเทใสถาดนึ่ง  กว่าจะนึ่งเสร็จก็เกือบสามบ่ายทุกคน

                   พ่อผมจะเอาถาดขนมยกลงมาจากเตารอให้เย็น  เอามีดเล็ก ตัดเป็นคล้ายลูกเต้าพอดีคำ  แล้วคลุกด้วยมะพร้าวที่ขูดเป็นเส้น เส้น  มานับใส่กล่อง ประมาณ 8 ลูก  ต่อราคา 30 บาท  ขนมมันเป็นขนมที่ขายดีที่สุด  แต่เวลาทำต้องใช้เวลาเยอะ  ป้าบอกว่าลงทุนเยอะกำไรน้อย


                   ขนมใส่ไส้ที่ป้าชอบทำ แต่ขายไม่ค่อยได้ แป้งที่ทำบางครั้งแข็งบ้าง  นิ่มบ้าง บางที นึ่งไม่ดี ใบตองที่ห่อไม่สะอาด มีกลิ่น คนซื้อไปแล้วครั้งเดียวไม่ซื้ออีก  และเป็นขนมที่เหลือทุกคืน  แต่ป้าก็ชอบทำ  พวกผมกับพี่ชายบอกป้าตลอด เหมือนป้าอยากทำอะไรป้าก็จะทำ  ส่วนผมกับพี่ชาย มีหน้าที่ขายก็ทำหน้าที่ให้ดี 

                   ป้าบอกว่าขายหมดหรือไม่หมดไม่ว่ากัน แต่ต้นทุนที่ลงทุนทุกวันต้องได้คืน เพื่อไปลงทุนวันต่อไป พร้อมกับค่ารถค่าขนมพวกเอ็งสามคนไปโรงเรียน  ดึกแค่ไหน ผมกับพี่ชายต้องขายให้ได้มากที่สุด

                   วันไหนที่ฝนตกวันนั้นวันโชคร้ายของผมเลย  คนจะรีบเดิน เดินทางกลับบ้าน ไม่ค่อยมีใครอยากซื้อขนมผม มีบางคนก็บอกว่าซื้อไปแล้วกินครั้งเดียวแต่อยากช่วยผม  บางครั้งก็ให้ผมยี่สิบบาท  ผมก็รับนะ เพราะนั้นมันคือต้นทุนที่ผมจะเอาไปให้ป้าลงทุนในวันต่อไป

                   ทุกครั้งที่ขายไม่ได้หรือของเหลือ ผมกับพี่ชายไม่อยากกลับเข้าบ้านเลย  มีบางครั้งที่ผมง่วงนอนมาก พี่ชายจะให้ผมไปหลับงีบที่ในร้านแมคที่เขาเปิดทั้งวันทั้งคืน  รอจนผับปิด ผมกับพี่ชายก็จะออกมาขายอีกครั้ง สำหรับนักเที่ยว แต่ได้น้อย แต่มีคนที่จะโยนแบงก์ร้อย แบงก์ห้าสิบ  ผมก็รีบไปหยิบ  เพื่อการต่อลมหายใจของผมกับครอบครัว

                   ใครจะมองผมอย่างไรไม่ว่า แต่ทุกครั้งเวลาผมเห็นขนมในถาด หน้าป้า หน้าพ่อ หน้าน้องสาว มันโพล่ขึ้นมาทุกครั้ง  มันคือผมกับพี่ชายต้องรับผิดชอบ เพราะทุกคนทำหน้าที่และสู้กันสุด สุด

                   ยิ่งพวกผมโตขึ้น การกินของพวกผมก็มากขึ้น ป้าบอกว่าเคยหุงข้าวทุกวันประมาณกิโลเดียว เดี๋ยวนี้ต้องสามกิโลต่อหนึ่งมื้อ  เพราะผมกับพี่ชายกินเก่งมาก บางครั้งข้าวสวยคลุกน้ำปลา คลุกนำพริกผมก็กินกันได้  มันหิวครับ  ขนมใส่ไส้บางวันพวกผมกินกัน 5-6 ห่อ เวลาหิวกินหมดครับ ขอให้อิ่มท้องไว้ก่อน ความอร่อยเอาที่หลัง

                   ป้าของผมจะห้ามซื้อขนมที่อื่นเข้าบ้านโดยเด็ดขาด  ขนมที่บ้านมีอร่อยหรือไม่อร่อยก็ต้องกินเพราะมันคือฝีมือของป้าและพ่อ และน้องสาวคนสุดท้อง  ทุกคนทำด้วยความรักความเอาใจใส่  ถ้าพวกเธอไม่มีขนมแล้วไปซื้อขนมอื่นมากิน ใครหน้าไหนที่จะซื้อขนมของพวกเราทำ

                   บางครั้งผมกับพี่ชายก็จะบ่นว่ากินจนเบื่อแล้ว  ป้าจะย้อนว่าจะกินอย่างดี หรือจะอดเลือกเอา  ทุกคนปิดปากไม่พูดต่อ  เพราะพวกเราทุกคนสี่-ห้า ชีวิต เคยอดกันมาแล้วทั้งข้าวก็ไม่มีกิน  ได้แต่กินน้ำลองท้อง  ผมจะรีบหยุดก่อนคนอื่น ก้มหน้าก้มตาทำงานหรือการบ้านให้เสร็จเร็วที่สุดก่อนที่จะขึ้นรถเมล์พร้อมถาดขนม

                   ผมจะออกจากบ้านเช่าที่ชุมชน ขึ้นรถเมล์สาย 71 มาลงที่วัดธาตุทอง ผมจะเดินพร้อมเทินถาดขนมไว้ที่หัว จะแวะขายคุณลุง คุณป้า ที่ปั้มน้ำมัน  ทุกคนจะชอบกินขนมชั้นที่มีใบเตยหอมมากซื้อครั้งละ 3 กล่องทุกวัน  เป็นลูกค้าประจำ ผมจะมาส่งให้ตรงเวลาเพราะลุงกับป้าจะออกจากปั้มน้ำมันก่อนห้าโมงครึ่งตอนเย็น  ถ้าผมมาสายจะขายไม่ได้แล้ว หกกล่อง  ฝนจะตกฟ้าจะร้อง แค่นั้นผมจะมาให้ทันลูกค้าประจำ

                   แล้วเดินต่อแวะไปที่สวนเบญจสิริ  ในช่วงตอนเย็นจะมีคนมาวิ่ง คนทำงานจะเดินตัดสวนมาขึ้นรถที่ป้ายรถเมล์   ก็จะมีบางคนที่ซื้อติดมือไปฝากแม่ ฝากพ่อ ฝากยาย ผู้ซึ่งสูงอายุถึงจะรู้จักขนมไทย  ตรงนี้ขนมที่ขายดี คือขนมใส่ไส้   บางครั้งมีการเหมา เมื่อขนมหมดตรงนี้ ผมจะรีบโทรหาพี่ชายให้เอาขนมใส่ถุงมากกว่า 50-70 กล่องมาเติมให้ผมเร็วที่สุด  ถ้าขายดี  วันนั้นผมกับพี่ชายจะได้กลับเร็ว  ถือว่าวันนั้นผมกับพี่ชายจะได้หัวค่ำ ได้ดูทีวี เล่นกับน้องสาวลั่นบ้าน  จนป้าต้องลุกขึ้นมาปราบว่าเสียงดัง จนจะนอน  เดือนหนึ่งสักครั้ง สองครั้งเท่านั้น


                   พอเดินผ่านสวนเบญจสิริ ผมก็จะแวะพัก ตรงซอยสุขุมวิท 25 เพราะมีบริษัทนั่งรอพนักงานเลิก บริเวณนั้นจะมีคนช่วยซื้ออีกกว่าสิบกล่อง  ทุกวันยกเวนวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น  ขนมที่ขายดีคือขนมชั้น แต่ป้าบอกว่าทำยากสุด  การหาอุปกรณ์ก็จะยาก  วันนั้นมีขนมชั้นมาถือว่าช่วยพวกผมครับ

                   พวกผมก็พยายามเข้าไปช่วยป้า เรื่องการทำขนม แต่บางขั้นตอนมันยุ่งยากสำหรับเด็กผู้ชายอย่างผมกับพี่  แต่พ่อต้องจำยอมเพราะไปไหนไม่ได้  จึงมีเสียงเถียงกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง แต่พ่อก็ยอมป้า  เพราะป้าทำทุกอย่างเพื่อหลานสามคนมานานแล้ว  ตั้งแต่แม่พวกผมหายสาบสูญไป เราสามคนอยู่กับป้ากันมาตั้งแต่เล็ก  แต่เมื่อพ่อป่วยจึงมาอยู่กับป้าอีกครั้ง  พ่อจึงสงบปากสงบคำ เมื่อป้ามีอาการโมโห

                   ปีนี้สำหรับผมป้าแก่ไปมาก  ป้าพยายามฝึกน้องสาวคนเล็กผมเรื่องการทำขนม  แต่น้องสาวผมไม่ชอบ  สนใจแต่เรื่องความสวยความงาม อยากออกมากับผมมากกว่า  จนต้องบอกว่ามันอันตรายสำหรับเด็กผู้หญิง  น้องสาวก็ย้อนบอกว่าหนูก็เคยออกมาขอทานเหมือนกันนะ  มันไม่น่ากลัว ตอนเล็กน้องสาวจะออกไปพร้อมป้า เพื่อรับผมกับพี่ชายกลับบ้าน 

                   สภาพที่ถนนอโศกตอนนี้ผู้คนพลุกพล่านเต็มไปหมดไม่รู้ว่าใครเป็นใคร  ร้านค้าที่เคยขายของที่รู้จักกันไม่มีแล้ว เทศกิจเข็มงวดมาก  ผมกับพี่ชายต้องหลบมาขายที่สะพานเชื่อมดูจังหวะในแต่ละวัน  แต่ละคืน  บางครั้งนั่งขายอยู่ดี ดี ก็มีคนมาสะกิดหันไปเป็นตำรวจ เป็นเทศกิจ  ผมจำเป็นต้องลุกไปพร้อมถาดขนม

                   บางคืนที่ตำรวจที่ออกมาจับกลุ่มขอทานต่างด้าว พวกผมก็ต้องหนีเหมือนกัน สิ่งสำคัญคือต้องพกบัตรประชาชนไว้ ว่าเป็นคนไทย เวลาที่ตำรวจกวาดล้างช่างน่ากลัวจริง จริง ทุกคนก็ต้องจำยอม  เพราะทางหนีหรือไม่ให้ความร่วมมือก็จะกลายเป็นกลุ่มค้ามนุษย์ทันที   แล้วกระบวนการค้ามนุษย์เหมือนพี่น้องผมกับป้าเจอ ว่าจะตัดสินกว่าจะมาพบกันทั้งครอบครัวใช้เวลากว่าสองปี  มันทรมานคิดถึง ทุกคนแต่ก็ไม่ได้เจอมันติดคุกดี ดี ครับ  แต่พวกผมเรียกมันว่าคุกสำหรับเด็กเหมือนกัน  แต่ใครจะพูดหรูแบบไหนก็ช่างเถิด  สำหรับมันแย่จริง จริง

                   ไม่ต้องพูดถึงกลุ่มต่างชาติเลย ไม่มีโอกาสแม้จะแก้ตัวใด ใด ทั้งสิ้น มันเหมือนภาระจำยอมโดยทั้งคนรีดไถ่ โดนทั้งผู้บังคับใช้กฎหมาย ที่มาจากหลากหลายตำแหน่งหน้าที่สุดท้ายก็คือจับ  ผมบอกได้เลยขนาดผมทั้งพ่อ ป้า พี่ชาย น้องสาว ทำงานตัวเป็นเกลียวแบบนี้ เอาแค่เลี้ยงตัวเองได้เท่านั้น ยังลืมตาอ้างปาก หรือมีพอที่ผมจะได้ไม่ออกมาทุกวันยังไม่ได้เลย

                   ฝนจะตก แดดจะออก หรือไม่สบายก็ต้องออกมา เพราะนั้นหมายถึงชีวิตอีก 5 ปาก 5 ท้อง  ต้องอดเหมือนกัน เงินทุนก็หายกำไรก็หดอดตายกันพอดี   ครอบครัวผมเวลาใครมาพูดถึงสวัสดิการของรัฐจะให้อย่างนั้นอย่างนี้ดีแค่พูด  ผมไม่เคยได้รับ สิ่งที่ได้คือองค์กรอย่างพวกครูนี้แหละ  ผมจำเป็นต้องสู้  สู้เพื่อครอบครัวผม

                   เวลามีใครถามว่าผมกับพี่ชายเหนื่อยไหม  ผมตอบทุกครั้งว่าเหนื่อยมาก ผมก็พูดความจริง  หลายคนบอกว่าป้ากับพ่อใช้แรงงานผม  ผมก็พูดว่าครอบครัวผมจะอดตาย มาคำนึงอีกหรือว่าใช้แรงงานพวกผม  ถ้าผมไม่ทำคือไม่มีกินทั้งครอบครัว  คุณป้า คุณน้า คุณอา  ที่พูดกันว่าใช้แรงงานเด็ก  ลองมาเป็นอย่างพวกผมบ้างก็น่าจะดีนะ ถ้าไม่ทำทำขายของหรือจะให้พวกผมกลับไปขอเงินอีก


                    ทางเลือกของพวกผมมีมากหรือไง   ทุนทางสังคม ทุนชีวิต มันไม่เท่ากัน  เด็กอย่างผมครอบครัวผมก็ต้องสู้ไปพร้อมกันหมด ไม่ใช่ผมคนเดียวทั้งครอบครัวเลย

                   การขายขนมของผมที่ทำทุกวันนี้ มันคือทางออกอีกทางหนึ่ง แต่เมื่อพวกผมอาชีพมากกว่านี้ ผมอาจจะได้เรียนแค่ ป.6 ก็ได้ สุดท้ายต้องเข้าโรงงานขายแรงงานดูแลคนในครอบครัว ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าทางเดินไหน ที่จะพยุงครอบครัวให้ไปรอด 

                   สำหรับชั่วโมงนี้ เวลานี้ ผมขายขนมของป้า..เลี้ยงทุกคนในครอบครัวให้รอดก่อน  อนาคตพวกผมลิขิตเองไม่ได้ ขอให้เป็นไปตามโชคชะตา