banner
ศุกร์ ที่ 31 เดือน มกราคม พ.ศ.2563 แก้ไข admin

ความฝันเป็นจริง...ของครอบครัวฉัน

 

นางสาวทองพูล  บัวศรี

ผู้จัดการโครงการครูข้างถนน  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

          ความสุขของคนทำงานภาคสนาม สำคัญสุดคือความภาคภูมิใจ ในกรณีที่ร้องขอความช่วยเหลือเป็นไปดังที่ได้วางแผนระหว่างคนทำงานกับกรณีศึกษา

          เช้านี้มีการพูดคุยในการทำงาน ครูซิ้มได้รับโทรศัพท์ จากกรณีศึกษา ที่ต้องการจักรยาน 2 คัน ให้ลูก 3 คน ขี่ไปโรงเรียน  ครูเองได้ยินได้แต่ยิ้มปลื้มค่ะ   อย่างน้อยทั้งกรณีศึกษาและคนทำงาน ได้เรียนรู้ด้วยกัน  แม้จะต่างชาติ ต่างแผ่นดินที่เข้ามาอาศัยอยู่

          ด้วยเหตุผลสำหรับกรณีศึกษานี้ มี 2 ครอบครัว เด็ก 5 คน ซึ่งลำบากตรากตรำลำเค็ญมาด้วยกัน นานหลายปี ถูกจับเข้าไปยัง สถานหลายแห่ง ด้วยกัน  ตั้งแต่สถานกักกัน สวนพลู แล้วย้ายมาอยู่ที่บ้านพักข้าราชการดอนเมือง  ล่าสุดที่ กองบัญชาการศึกษา มีการปรับปรุงบ้านกักนักโทษทางการเมืองมาปรับเป็นที่พักของแม่กับลูกเวลาถูกจับ ตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522




          ถูกจับด้วยกฎหมายพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามค้ามนุษย์  พ.ศ. 2551 เด็กเหล่านี้ถูกเป็นเหยื่อของแม่  ที่นำลูกมาทำงานด้วย โดยการแสวงหาประโยชน์มิชอบ  โดยเฉพาะมาตรา 4 ซึ่งมีความหมายการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี การผลิตหรือเผยแพร่วัตถุหรือสื่อลามก การแสวงหาประโยชน์ทางเพศในรูปแบบอื่น การเอาคนลงเป็นทาส  การนำคนมาขอทาน การบังคับใช้แรงงานหรือบริการ การบังคับตัดอวัยวะเพื่อการค้า หรือการอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน อันเป็นการขูดรีดบุคคล ไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

          ในความหมายของ มาตรา 6 ในฐานะของแม่เด็กจะได้รับ ว่าเป็น ผู้ทำหน้าที่ เป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้ อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ใช้ กําลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อํานาจโดยมิชอบ หรือโดยให้เงินหรือ

ผลประโยชน์อย่างอื่นแก่ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลบุคคลนั้น เพื่อให้ ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลให้ ความยินยอมแก่ผู้กระทำความผิดในการแสวงหาประโยชน์จากบุคคล ที่ตนดูแล หรือ เป็น ธุระจัดหา ซื้อ ขาย

จำหน่าย พามาจากหรือ ส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้ อยู่อาศัย หรือรับไว้ ซึ่งเด็ก ผู้นั้นกระทําความผิดฐานค้ามนุษย์   โทษแบบนี้ แม่ลูกจะพรากด้วยกฎหมาย  แม่ของเด็กจะถูกส่งเข้าเรือนจำ  เข้าสู่กระบวนการ ติดคุกฟรี 84  วัน   สำหรับเด็กจะถูกส่งไปยังสถานสงเคราะห์ของรัฐ ทันที ถือว่าเด็กเหล่านั้นต้องได้รับการคุ้มครอง  ตีตามกฎหมายที่กำหนด

          สำหรับในปี พ.ศ. 2559 ได้มีพระราชบัญญัติควบคุมการขอทาน เกิดขึ้น โดยเฉพาะมาตรา 22 ผู้ใดแสวงหาประโยชน์จากผู้ทำการขอทานโดยการใช้ จ้างวาน สนับสนุน ยุยงส่งเสริม หรือกระทำด้วยวิธีการอื่นใดให้ผู้อื่นทำการขอทาน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


          ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง เป็นการกระทำดังต่อไปนี้ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

          (1)กระทำต่อหญิงที่มีครรภ์ ผู้สูงอายุ คนวิกลจริต คนพิการหรือทุพพลภาพหรือผู้เจ็บป่วย

          (2)ร่วมกันกระทำหรือกระทำกับบุคลตั้งแต่สองขึ้นไป

          (4)กระทำโดยผู้ปกครองหรือผู้ดูแลของผู้ทำการขอทาน

          ความในวรรคหนึ่งและวรรคสอง (1) (2) (4) ไม่ใช้บังคับกับการกระทำระหว่างบุพการีและผู้สืบสันดาน

          กลุ่มแม่และเด็กเหล่านี้ จะถูกส่งไปยังสถานคนไร้ที่พึ่งจังหวัดนนทบุรี  ทั้งแม่และลูก รอผลการตรวจ DNA ซึ่งขึ้นอยู่ระหว่างการประสานงานในตรวจ

          สองครอบครัว เหล่านี้ รู้จักครูมานานพอสมควรจากการบอกเล่าว่า ครูช่วยเด็กต่างด้าวเหล่านี้เข้าสู่การศึกษา   และได้เห็นครูตัวเป็นๆ เมื่อปี 2561  ตอนที่ครูเอาเด็กมาส่ง เข้าสู่กระบวนการ เพราะเด็กเรียนหนังสืออยู่   ได้เห็นเด็กหญิงยวน   เด็กหญิงหยังเอ่ย  ที่ครูอนุญาตให้ไปเรียน และที่สำคัญ เด็ก 2 คน มาสอนเด็กกัมพูชาด้วยกัน ที่อยู่ในห้องพักของชาวกัมพูชา ทั้งอ่านและเขียน


  

          สิ่งเหล่านี้ได้ส่งให้ลูกของพวกเราทั้ง 5 คน ที่เรียกร้องอยากเรียนหนังสือ   อยากอ่าน อยากเขียน ภาษาไทย เหมือนเด็กกัมพูชาคนอื่น   เมื่อถามถึงกลุ่มเพื่อนชาวกัมพูชา  อย่างครอบครัวนางจันดา  มีลูกที่ไม่ได้เข้ามากับแม่ด้วย แต่อยู่ข้างนอก ครูเขาช่วยเรื่องค่าเช่าห้องให้เด็กอยู่   แล้วดูแลค่าใช้จ่าย ให้เด็กไปเรียน  ช่วยลดความเครียดของพ่อที่ติดคุก  ช่วยอารมณ์ ความเครียดของแม่ที่อยู่ในห้องสถานคนไร้ที่พึ่ง  ทำให้เด็กมีความรู้และอ่านเขียนได้   ไปไหนไม่ต้องกลัวการถูกหลอก

          อีกครอบครัวหนึ่ง นางสมจิตร  ที่ลูกน้องเจมส์ ครูช่วยเรื่องการรักษาพยาบาล  รักษาแบบได้ชีวิตกลับคืนมา  จนตอนนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว 

          อีกครอบครัว นางทีมด ก็เหมือนกัน ช่วยทั้งตามหาลูกและ ช่วยการเร่งให้กระบวนการยุติธรรมสิ้นเสร็จ  เพราะอยู่ในสถานคนไร้ที่พึ่ง 2 ปี เหมือนกัน

          แต่ละครอบครัวพูดกันถึงครู   พูดกันถึงการช่วยเหลือแบบให้เด็กได้เรียนหนังสือ  ครูให้ความสำคัญมาก   สิ่งที่แหละที่ขอเบอร์โทรศัพท์ มาจากกลุ่มเพื่อนๆที่เป็นชาวกัมพูชาด้วยกัน

          วันแรกที่โทรไปหาในช่วงกลางคืนเมษายน  2562  เสียงครูรับสายเอง   แล้วบอกครูช่วงนี้ครูงานยุ่งมาเตรียมหางบประมาณ และส่งรายชื่อเด็กที่จะเข้าเรียนอีกจำนวนหนึ่ง  จะส่งครูซิ้ม (นางมลวิภา  ลีลายุทธ)  เข้าไปเตรียมครอบครัวที่ชุมชน

          ครูซิ้มก็โทรประสานงานกับฉัน   ฉันก็เล่าให้ฟังว่ารู้เรื่องครูเขาช่วยให้เด็กชาวกัมพูชา ได้เข้าเรียน  ได้มีอนาคตที่อ่านออก เขียนได้  ที่แม่ของเด็กๆๆชาวกัมพูชา ที่ได้เรียนหนังสือ  ความฝันของครอบครัวของฉัน คืออยากให้ลูกได้เรียนหนังสือบ้าง.....เพื่ออ่านออกเขียนได้...จะได้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อคนที่..เอาเปรียบ  พวกฉันเวลาที่เข้ามาประเทศไทย ถูกรีดไถ ทั้งสองประเทศ   พวกเราก็จำต้องยอม  เพราะอยู่ที่ประเทศต้นทาง  พวกฉันก็อดตาย  

          จะอดตายได้อย่างไร  ประมุขของประเทศ ข้าราชการ ประเทศของพวกเธอก็ต้องดูแลไม่ใช่หรือ..


ครูอย่าพูดเลย  พวกฉันเป็นคนของประเทศนั้นเวลาพวกเราถูกส่งกลับประเทศการปล่อยตัวยังเรียกเก็บเอาเลย  ถามทุกคนได้

          แล้วเธอรู้จักครูได้อย่างไร....เป็นข้อสงสัยของครู   เพราะครูลงงานภาคสนามไม่เคยเจอพวกเธอเลย

          สมัยก่อนเมื่อ 6-7 ปี แล้ว พวกฉันหากินที่สำโรง  ได้ยินชื่อว่าเอาเด็กเข้าเรียน  ฉันก็อยากเจอครูมานานแล้ว  แต่อีกกลุ่มที่ครูอยากเอาลูกเขาเข้าเรียนแต่ไม่ให้เรียน  แต่มีแม่ๆๆอีกกลุ่มที่ขอทานด้วยกัน  บอกว่าครูเอาเข้าเรียนได้

          แต่เมื่อเดือนมีนาคม 2562  ครูมารับเด็กหญิงยวน กับ เด็กหญิงหยั่งเออ  ตอนนั้นแหละ ที่ฉันตั้งมั่นว่าเมื่ออกไปเมื่อไรจะโทรหาครู  อยากให้ลูกได้เรียนเหมือนเด็กคนอื่น

          ฉันนั่งชื่นชม  เจ้ายวน  เขาพูดฉะฉานไม่กลัว  กับแม่บ้าน พูดเสียงดังเรื่องสิ่งของที่ครูเอามาฝากเด็กกับแม่ชาวกัมพูชา  แต่แม่บ้านยึดไปหมด  เจ้ายวนไม่ยอม  จนแม่บ้านต้องเอามาคืน  และเวลากลางคืน เจ้ายวนจะเล่านิทานให้เพื่อนๆและน้องที่อยู่รวมกันกว่า 27 คน ทุกคืน เล่าด้วยเสียงภาษาไทย  เขียนไทยด้วย ลายมือสวยมาก

          ฉันกับครอบครัวเฝ้ามองครูมาตลอดนะ  ไม่เคยเห็นหน้าครูเพิ่งจะได้เห็นก็ตอนเดือนมีนาคม  ในวันนั้นครูเข้าไปส่งเจ้ายวน กับหยั่งเออ ถึงข้างใน(ภายในสถานคนไร้ที่พึ่ง มีห้องให้คำปรึกษา 


วันนั้นจำไม่ได้ว่าวันที่เท่าไร  ครอบครัวประมาณสัก 20 ครอบครัว นั่งเรียงรายให้เจ้าหน้าซักรายละเอียดในการตรวจ DNA พร้อมเด็กๆกว่า 40 คน

ครูเดินเข้าไปในห้อง เสียงเด็กยกมือไหว้ครู พร้อมแม่เด็กกว่า 10 คน ที่ส่งเสียงเรียก “ครูจิ๋ว”  เจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ในการซักประวัติชะงัก พร้อมยกมือไหว้ ยกเก้าอี้มาให้ครูนั่ง   ครูขอยืนดีกว่า พูดคุยกันแต่ละกรณีศึกษา  พร้อมที่จะเข้าไปช่วย  เมื่อมองไปรอบๆห้อง  ปรากฏว่าครูไม่รู้จักกว่าเป็นสิบกรณี  แต่ด้วยเวลาไม่มีที่จะซักกรณีอื่นๆ   จึงได้จะช่วย นางทีมด ที่อยู่ในสถานคนไร้ที่พึ่งกว่า  23 เดือนมาแล้ว  ลูกกระจัดกระจายอยู่ในหน่วยงานต่างๆของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ

หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 เดือนก็มีหลายครอบครัวชาวกัมพูชาที่อยู่ตามสถานที่ต่างๆ  แต่กรณีครอบครัวที่อยู่ดอนเมือง จึงให้ครูซิ้มดำเนินก่อน

ยากไม่ใช่เล่นกระบวนการใบเกิดของเด็กหญิงพรรณี... การเข้าเรียนในโรงเรียน  ใช้เวลากว่า 7 เดือน

เมื่อวันเด็ก 11 มกราคม 2562  ครูบอกครูซิ้มว่าอยากไปเยี่ยมครอบครัวนี้  ครูอยากถามสิ่งที่คาดใจของครู  จึงได้ไปเยี่ยม แล้วถามว่า “พวกเธอรู้จักมานานแล้วหรือ !!!!!

รู้จักชื่อครู มาตั้งแต่ 6 ปีแล้ว ตั้งลูกชายฉันแค่ 4 ขวบ จนวันนี้ 10 ปีแล้ว  แต่พวกฉันไม่กล้า  โทรไปหาครู  แต่วันที่ฉันนั่งอยู่ในห้องที่คนกัมพูชาส่งเสียงดังเรียกครู  ในมือของครูก็มีนมเด็ก ขนมเด็ก แล้วยาสระผม สบู่ ผงซักฟอก  ให้ทุกคน   ฉันอยากลุกไปหาครู  แต่เข้าไม่ถึงตัวครู  เพราะเด็กๆๆมันนั่งล้อมครูกันหมด    แม้แต่เจ้าหน้าที่ยังบอกว่า ครูใจดีและช่วยให้เด็กได้เรียน

ครูหายข้อข้องใจ   แม่เด็กบอกว่า ครูขอบคุณจริงๆๆ  มันเป็นความฝัน ที่ฉันอยากให้ลูกได้เรียน  พวกครูทำได้.....ขอบคุณจริงๆๆ  ขอบคุณ  ลูกฉันตั้งใจเรียน  มันตื่นกันแต่เช้า  ตั้งใจทำการบ้าน   ครูค่ะฝันที่เป็นจริง   ชีวิตของลูกฉันไม่ต้องปั้มหัวแม่มือตลอดชีวิต

ขอบคุณพวกเธอด้วยที่ทำให้พวกครูได้มีโอกาสได้เรียนรู้ มีโอกาสได้ทำความดี  “ขอบคุณฝันที่เป็นจริง ”