banner
อังคาร ที่ 24 เดือน ตุลาคม พ.ศ.2560 แก้ไข admin

เพิงความฝัน.....ของเด็กลูกกรรมกรก่อสร้าง

 

นางสาวทองพูล  บัวศรี

ที่ปรึกษาโครงการศูนย์เด็กก่อสร้าง  มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

          ด้วยโครงการโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ ได้ดำเนินการมามาตั้งแต่ วันที่ 1 มิถุนายน 2560 ที่ครูเองมารับผิดชอบ พร้อมทีมงานอีกสองคน  คือครูซิ้ม กับครูเอก ซึ่งเป็นที่ทางมูลนิธิสร้างสรรค์เด็กได้ดูแลมา  ทั้งสองคนคือความภาคภูมิใจที่สืบสานงานต่อ    คืองานช่วยเหลือเด็กลูกกรรมกรก่อสร้างที่ติดตามพ่อแม่มา  พร้อมทั้งเป็นกลุ่มเด็กต่างด้าวไม่มีโอกาสแม้เรื่องการศึกษา

          วันนี้ทั้งสองคนเป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก  เข้ามาดูแลและดำเนินการขับเคลื่อนงานของโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่อย่างเต็มตัว  ในฐานะที่ครูเป็นผู้ประคับประคอง ชี้แนะให้โครงการดำเนินไปอย่างเป็นรูปธรรมพร้อมร่วมกันวางแผนงานให้ครบ ตามที่กำหนด  โรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ ได้มีพื้นที่ในการทำงานครบทุกวัน  จำนวนห้าพื้นที่





          พื้นที่ ที่ห้า คือ โครงการก่อสร้าง พลัม คอนโดนิเนียม  เจ้าของคือบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท  ซึ่งมี คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์  เป็นเจ้าของ  ซึ่งมีบริษัท ccc จำกัด เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างคอนโดนิเนียมนี้

          โรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ ได้เริ่มสำรวจพื้นที่เป้าหมาย เพราะสถานที่อยู่ใกล้กับมูลนิธิ  และที่สำคัญการก่อสร้างที่ใหญ่ใช้เวลากว่าสามปี  เด็กที่ติดตามพ่อแม่มาทำงานก่อสร้างต้องเยอะแน่  คือการคาดเดา   จึงเริ่มสำรวจกันตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน  เพื่อนำข้อมูลมาเตรียมการ

          ด้วยบ้านพักคนงานก่อสร้างมีอยู่ด้วยกันสองแห่ง  แห่งหนึ่งใช้สังกะสีตีรอบ  มีแผ่นไม้อัดรองข้างล่าง  มีเด็กอยู่กว่า 18 คน  ซึ่งกำลังที่จะต้องปรับปรุง 

          สำหรับแห่งที่สอง ใช้แบบน๊อคดาว  ทั่งอาคารใช้โครงสร้างเป็นเหล็กที่มาต่อกันเป็นห้องนอนส่วนหลังคาใช้โครเมียมมุงคล้ายสังกะสี   พื้นห้องนอนเป็นไม้อัดแบบหนาพอสมควร   ทั้งความแข็งแรง ความสะอาดดีมาก   พื้นเทเป็นพื้นปูนทั้งหมด  จะสัดส่วนห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ  ที่ทิ้งขยะอย่างเป็นระบบ  มีพ่อบ้านที่ดูแลอย่างใกล้ชิด

          ครูซิ้ม กับครูเอก ได้ลงพื้นที่สำรวจอย่างน้อยสองครั้ง พบพ่อบ้าน  เจ้าหน้าที่โครงการเดอะพลัม พร้อมทั้งเจ้าของบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างโดยตรง  ได้อธิบายถึงงานที่ทางโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่จะลงมาดำเนินการให้กับเด็ก เด็กที่อยู่บ้านพัก





          ครูทั้งสองคนลงพื้นที่ทุกวันศุกร์ ทั้งวัน  ครั้งแรกมีเด็กพร้อมผู้ปกครองจำนวนกว่า 40 คน  ซึ่งมาก  ครูต้องปรับกระบวนการในการดำเนินการ  โยแบ่งเด็กออกเป็นสามกลุ่มสลับกันทำกิจกรรม 

          เริ่มตั้งแต่ กลุ่มเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี พร้อมแม่ เน้นการเล่นเครื่องเล่นพร้อมเสริมทักษะการอ่านนิทาน   ครูเล่านิทานให้ดูก่อน ให้ฟังก่อน  แม่เด็กตื่นเต้นกันอย่างมาก  เพราะอ่านภาษาไทยไม่ออก ทั้งเด็กและแม่ส่วนมากเป็นชาวกัมพูชา  แต่เด็กน้อยชอบรูปภาพ  ครูเอกจึงใช้นิทานที่หามาเปิดจากโทรทัศน์ให้กลุ่มนี้ดูก่อน  กลายเป็นดึงความสนใจทั้งเด็กและผู้ปกครอง  พร้อมทั้งการนับเลข การฝึกอ่าน ก.ไก่ ถึง ฮ.นกฮูก 

          การแบ่งกลุ่มที่สองและสาม ครูซื้มกับครูเอกต้องช่วยสลับกันสอนการทำกิจกรรมก่อน  สำหรับกลุ่มที่สอง เป็นช่วงอายุ 2 ปีขึ้นไปไม่น้อยกว่า 15 คน  เริ่มต้นด้วยการระบายสี ในกระดาษก่อน  เด็ก เด็ก ชอบกันมากถึงขั้นบอกว่าอยากขอภาพ ระบายสี เยอะ เยอะ     ต่อด้วยการหัดอ่าน ก.ไก่  จน ถึง ฮ.นกฮูก  กันอย่างสนุกสนาน    ต่อด้วยการเขียนอักษร   เป็นอะไรที่เด็ก เด็ก  อยากคัดไทยไม่ยอมที่จะเลิก   เรียนกันจนครูว่าเดี่ยวทำกิจกรรมเรื่องอื่นต่อ

          ครูเอกจะเข้ามาเปลี่ยน  สัปดาห์แรก ให้เด็กน้อยเหล่าระบายสีกระปุกออมสินคนละอัน   เด็ก เด็กบรรจงระบายสีเพราะเน้นย้ำว่าเป็นงานประดิษฐ์สิ่งเดียว ชิ้นเดียว  ขอเด็ก เด็ก  ที่สร้างจินตนาการเอง  แล้วระบายสบายตามจินตนาการตนเอง


          สำหรับกลุ่มที่สาม เป็นกลุ่มเด็กโต ที่อยากอ่าน อายกเขียนเป็นที่สุด  ครูซิ้มจะเริ่มต้นด้วยการอ่านภาษาไทย กับภาษากัมพูชา    ฝึกภาษาของประเทศของเด็กไปด้วยกันลืม   สำหรับครูอย่างเราก็ทำท่าอานไปด้วยแม้จะไม่รู้ภาษาเลย   

          เด็กโตจะเน้นเรื่องการเขียนตามรอย  ตามชื่อของเด็ก  เด็กจะมุมานะในการเขียนชื่อของเด็กแต่ละคนให้ได้  ด้วยเพราะว่าความฝันว่าไม่ต้องการแป๊ะโป้งนิ้วแม่มือเวลาที่ต้องเซ็นรับเงินหรือเซ็นเอกสาร  เขียนชื่อด้วยเองเป็นภาษาไทย เป็นความฝันอันสูงสุดของกลุ่มเด็กโต

          ยิ่งใครคนใดคนหนึ่งอ่านผสมคำได้ อ่านหนังสือได้บ้าง  นั้นคือเป็นครูสอนภาษาไทยได้เลย  ความฝันของคนงานเหล่านี้คือการอ่าน ออก เขียน ได้บ้าง  เรื่องภาษาไทย   เวลาครูสอนเด็กเหล่านี้กลุ่มนี้จะจ้องเขียน อ่าน อย่างเดียว 

          ครูซิ้มกับครูเอกลงพื้นที่ได้ประมาณสามครั้ง  เด็ก ผู้ปกครอง  รวมทั้งพ่อบ้าน เห็นความสำคัญในการจัดกิจกรรมของโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่  เพราะทุกวันศุกร์เป็นที่รอคอยของเด็ก เด็ก  พอแค่เห็นรถโรงเรียนวิ่งเข้ามาที่บ้านพัก  เด็กเหล่านี้จะมานั่งคอย ช่วยครูยกข้างยกของมาตั้งเรียงทั้งโต๊ะเขียนหนังสือ เสื่อที่ปู  กล่องอุปกรณ์การเรียนพร้อมของเล่น  ที่ได้รับบริจาคมากเป็นสิ่งของที่เด็ก เด็ก ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก   ชอบกันมากแม้จะเป็นของเก่าแต่ก็เป็นของใหม่เด็กเสมอ   เล่นกันไม่เบื่อเลย

          สำหรับอุปสรรค์ คือเวลาที่เด็กเรียน ผู้ปกครองมานั่งด้วย ถึงแม้จะมีร่มเงาของต้นไม้  แต่ไม่เพียงพอสำหรับร่มให้เด็กที่มาร่วมกิจกรรม    พ่อบ้านพร้อมเจ้าหน้าที่โปคเจคไซด์เห็นเด็กสนใจ  พร้อมทั้งเป็นการเพิ่มความรู้ ทักษะให้กับเด็ก  ภาพพจน์ของบริษัท





          เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คุณจรัญ  ที่เป็นพ่อบ้านร่วมกับ  เจ้าของบริษัท พ่อเด็ก ได้มาช่วยกันสร้างเพิ่งสังกะสี พร้อมโต๊ะอาคารให้เด็กได้นั่งเรียน นั่งทำกิจกรรมเป็นร่มให้เด็ก  มีอาคารเรียนอย่างเป็นสัดส่วนได้  เด็กทั้งผู้ปกครองมีความยินดีเป็นอย่างมาก  เพราะเวลาเรียนไม่ต้องกังวลเรื่องฝนตก แดดออก  และที่สำคัญกลายเป็นที่ปลอดภัยของแม่และเด็กในตอนเย็นที่มานั่งรวมกลุ่มกัน

          ทางโรงเรียนก็คิดต่อว่า  อยากทำห้องสมุดเอาไว้ให้เด็กได้ดูรูป หนังสือที่พอจะอ่านได้บ้าง  เป็นการทำงานด้วยกัน  เพื่อให้โอกาสเหล่านี้ถึงเด็กที่อยากเรียน  ผู้ใหญ่ที่อยากอ่าน 

          เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม  ที่ผ่านมาทั้งเด็กและครูได้ใช้เพิงที่สร้างเสร็จ ตามเจตนารมณ์ของพ่อบ้าน และเจ้าหน้าที่โปรเจคไซด์  ที่เห็นทั้งเด็กและผู้ปกครองได้มานั่งในเพิ่ง กันกว่า 60 กว่าคน แบ่งกันเป็นกลุ่ม  ตามที่ได้เรียน  เรียนกันอย่างมีความสุข   เป็นปลื้มกันทั้งผู้เรียน ผู้สร้าง  และครูทั้งสองคน

          การทำงานเหล่านี้ต้องใช้ความจริงใจในการทำงาน  ทำให้เห็นผล  สิ่งที่ได้รับตอบมาทันทีคือความภูมิใจของคนทำงาน ที่เห็นเด็กได้เรียนอย่างมีความสุข  ทั้งเด็กและผู้ปกครองได้มีโอกาสได้พัฒนาการในการเรียนรู้ พร้อมทักษะอื่นๆ  ตลอดจนได้เห็นแนวทางในการช่วยเหลือ  ครูกลายเป็นที่ปรึกษา ในขณะเดียวกัน   ครูกลายเป็นหมอเมื่อครอบครัวใดป่วย รับยาแก้ปวดหัวแก้ไข้จากครูไปกินบรรเทาให้หายเจ็บป่วยทันที

          งานเหล่านี้ทางโรงเรียนเด็กก่อสร้างเคลื่อนที่ก็ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เห็นความสำคัญ    โดยเฉพาะเจ้าของโครงการ เจ้าของบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้าง พ่อบ้านที่เห็นให้ความสำคัญกับเด็กและผู้ปกครอง    กลุ่มที่สำคัญคือตัวเด็กที่อยากเรียน อยากเขียน อยากอ่าน  อยากทำกิจกรรม   นี้คือตัวอย่างของความร่วมมืออีกรูปแบบหนึ่งในการทำงาน