banner
ศุกร์ ที่ 23 เดือน กันยายน พ.ศ.2559 แก้ไข admin

หน้าที่ผมเลี้ยงน้องกับเลี้ยงหลาน



 
นางสาวทองพูล  บัวศรี

ที่ปรึกษาโครงการศูนย์เด็กก่อสร้าง มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

 

          น้องใครร้องไห้ ช่วยดูหน่อยได้ไหม  ครูตะโกนจากในครัวซึ่งกำลังเตรียมอาหารกลางวันไว้ให้เด็กตั้งแต่เช้าจะได้ไม่วุ่นวายในช่วงกลางวัน  เจ้าหนูน้อยนัยน์ตาโตเหมือนไข่ห่าน หางตายังเปียกด้วยน้ำตา เอามือที่เปื้อนทรายปาดที่ตา จึงมีรอยดำติดที่ใต้ตาระหว่างแก้มดำไปหมด  ใบหน้ากลมเกลี้ยง ผมยาวหยักศก  เวลายิ้มสดใสทั้งโลกเลย เธออายุ 2 ปี 8 เดือน ต้องตามพ่อกับแม่มาอยู่เมืองไทย

          ที่ศูนย์เด็กก่อสร้างจะต้องเปิดกันตั้งแต่เจ็ดโมง เด็กน้อยทั้งหลายก็จะมีพี่อุ้มมาไว้ที่ศูนย์แต่เช้าเหมือนกัน  ทิ้งไว้ให้ครู แต่ละคนก็จะรีบวิ่งไปซักผ้าบ้าง ตากผ้าบ้าง เอาจาน ชาม ไปล้าง หรือกระทั่งบางคนเพิ่งจะได้อาบน้ำ  ในช่วงเช้าก็จะมีแต่เสียงร้องไห้ หาพี่บ้าง เด็กเล็กแย่งของเล่นชิ้นเดียวกันบ้าง  ส่วนครูก็ต้องวุ่นอยู่กับเตรียมอาหาร เตรียมขนม เตรียมนม  เตรียมการเรียนการสอน  ทั้งเด็กและครูแต่ละวันชุนละมุนวุ่นวายพอกัน

          ในศูนย์เด็กก่อสร้างจะมีที่พี่ต้องเลี้ยงน้องเลี้ยงหลาน หรือรับจ้างเลี้ยงเด็ก จำนวนกว่าไม่น้อยกว่า 6-7 คู่ด้วยกัน จนคนทำงานตั้งฉายาว่า “เด็กเลี้ยงเด็ก”

          เด็กชายฮง  อายุ 13 ปี ตัวผอม สูงประมาณ 140 เซนติเมตร ผิวขาว คิ้วดำ นัยน์ตาดำขลิบมาก  และตาโต ขนตายาว  จัดว่าหน้าตาหล่อเหลาเอาการ  ชอบใส่กางเกงขาสั่นสีกากี  เสื้อแล้วแต่ที่จะมี  ตามพ่อ แม่ มา มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน โดย เด็กชายฮง  มีหน้าที่ทำงานบ้านทั้งหมด และเลี้ยงน้องกับหลานสลับกัน  โดยมีน้องชาย เฮียง  อีกคนช่วยกันดูแล

          เสียงเจ้าเฟียน  น้องคนเล็กที่เป็นผู้หญิงร้องไห้  เด็กชายฮง จะรีบวิ่งออกมาจากห้อง  มาดูว่าเป็นอะไร หรือใครทำให้ร้องไห้

          ฮง..ก็จะมาดูน้องว่าร้องไห้ทำไม  ส่วนมากเจ้าเฟียนจะร้องเพราะไม่เห็นพี่สักคน ก็จะร้องทันที

          ฮง  เองไม่ได้เรียนหนังสือกัมพูชาเลย  ตามพ่อกับแม่ตั้งแต่อายุ 7 ปี มีหน้าที่มาเลี้ยงน้อง  คนที่มาเลี้ยงคนแรกคือเจ้าเฮียงก่อน  ตอนนั้นเฮียงแค่ 4 ปี  โดย พ่อกับแม่ พี่สาว 2 คนไปทำงาน  ตัวเองก็จะอยู่ห้องพักในช่วงกลางวัน แล้วทำงานบ้านมาตลอด


          ฮง  ก็ขยับมาเลี้ยงเจ้าเฟียน ตั้งแต่เกิดเลย  ตอนนี้เกือบสามปีแล้ว  เมื่อต้นปี มีลูกของพี่สาวอีกคนมาให้เลี้ยง

          ครูถามว่า ฮง เหนื่อนไหม  เป็นหน้าที่ของผมกับเฮียงครับ  ที่ต้องดูแลน้องกับหลาน

          ครูถามต่อว่า  อยากเรียนหนังสือไหม  อยากเรียน แต่ผมมีหน้าที่ครับ

          ครูถามอีก โตขึ้นมาอยากเป็นอะไร  ผมอยากทำงานอย่างพ่อแม่ ขอแค่มีเงินก็พอ

          แต่ความจริงฮง กับเฮียง เป็นเด็กที่อยู่กับศูนย์เด็กก่อสร้างมานานกว่า 3 ปี  เป็นกลุ่มเด็กที่ตั้งใจเรียน ฝึกอ่าน ฝึกเขียน  บางครั้งก็เป็นล่ามให้ด้วย โดยเฉพาะแม่กับเด็กที่เพิ่งมาเมืองไทย พูดไทยไม่ได้  สองหนุ่มนี้จะเป็นล่ามให้

          ฮง ในช่วงเช้าจะมีหน้าที่ร่วมกับแม่ คือทำงานเลี้ยงคนในครอบครัว

          ตั้งแต่ตีห้า หุงข้าว ตักน้ำมาประกอบอาหาร

          พ่อกับแม่กับพี่สาว พี่เขย กินข้าวเสร็จก็ออกไปทำงานก่อสร้าง

          น้องตื่น เจ้าจันตรี  กับเจ้าชวิน หลานคนล่าสุด พร้อมเฮียง

          กินข้าว   ล้านจานชาม โดยแบ่งหน้าที่กันดูแลว่า ใครจะ สองคนที่ห้องก่อน

          พาน้องกับหลานไปอาบน้ำที่ อ่างอาบน้ำของ บ้านพักกรรมกรก่อสร้าง เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย  แล้วกลับมาแต่งตัวที่ห้อง

          ฮง เป็นคนโต ก็จะต้องเก็บเสื้อผ้าของทุกคนไปซักมือ  แล้วตากให้เรียบร้อย

          แล้วมากวาดห้อง ถูห้อง  นำผ้าห่ม ที่นอนไปตากแดด

          งานทุกอย่างกว่าจะเสร็จ ก็เกือบเก้าโมงเช้า  ถึงตัวฮงจะได้เข้าเรียน

          ส่วนเฮียง น้องจันตรี  ไปศูนย์เด็กก่อสร้างก่อน เล่นในตอนเช้า เข้าแถว กินนม

          สองคนชอบระบายสี  ชอบเขียนภาษาไทยตามรอย

          ชอบการฟังนิทานจากครู  หรือบางครั้งก็แลกเปลี่ยนนิทานกัน

          ส่วนชวิทยังเล็กอยู่ ก็นอนอยู่ที่ห้องพัก สลับกันระหว่างผม กับเฮียง วิ่งกันผลัดมาดูว่าหลับ หรือจะกินนม หรือ ร้องไห้   ช่วยกันเลี้ยงจนกว่าพี่สาวจะกลับมาตอนเที่ยง

          พอเที่ยงผมจะต้องวิ่งกลับห้อง เอาผ้าที่หลานฉี่หรือขี้ใส่ไปซักอีกรอบหนึ่ง  ไม่อย่างนั้นไม่มีเสื้อผ้าใส่ในตอนเย็น  ต้องใช้แบบหมุนเพื่อประหยัดเงิน

          เมื่อเสร็จงานทุกอย่างตอนเที่ยง ฮงกับเฮียงและจันตรี  จะกินอาหารกลางวันที่ศูนย์เด็ก ทั้งสองคนจะกินเยอะมาก ด้วยให้เหตุผลตุนไว้เพื่อตอนเย็นไม่มีอะไรกิน ก็จะอิ่มอยู่

          ครูจะรู้ว่าครอบครัวนี้ เรื่องการอยู่การกินไม่พอกับ 8 ชีวิต ที่หาได้เพียงแค่สี่คน 

          ครูจึงมีการแบ่งปัน ข้าวสาร มาม่า ปลากกระ)อง ตามที่ได้มา ปันกันไปตามเพื่อให้อยู่ได้

          พอพี่สาวออกไปทำงาน ฮงหรือเฮียงคนหนึ่งต้องสลับไปดูหลาน ที่ห้องพัก

          ช่วงที่เหลือประมาณสองชั่วโมงตอนบ่าย  จะตั้งใจเรียนอย่างมาก ฝึกอ่าน ฝึกเขียนชื่อ จนเป็นแนวหน้าของครูที่เป็นชาวกัมพูชาผสมคำได้มาก   


          ส่วนน้องจันตรี  ส่วนมากก็จะหลับที่ศูนย์เด็ก

          เมื่อตื่นขึ้นมาประมาณบ่ายสามโมงนั้นแหละที่ต้องจัดการตั้งเรื่องฉี่ และอุจจาระ  ที่ต้องพาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ

          ครูทึ่งมากที่เด็กผู้ชาย ทั้งฮง และเฮียง ดูแลน้องผู้หญิงอย่างละเอียด ทำทุกอย่างเปรียบเสมือนพ่อเลย  ทั้งล้างก้นน้องจันตรี  เช็คตัว อาบน้ำ  

          เสร็จแล้วฮงก็จะขออนุญาตครู ไปเก็บเสื้อผ้า ข้าวของที่ซักตากไว้  ตักน้ำเตรียมทำอาหารเย็น  รอแม่มาซื้ออาหารสดที่จะทำกินร่วมกันในครอบครัว

          ส่วนเฮียงก็จะเอาหลานออกจากห้องมาเลี้ยงที่ศูนย์เด็ก พร้อมเจ้าจันตรี  เพื่อให้ได้ลมเย็นบ้าง  ส่วนเฮียงเองก็จะอ่านหนังสือ หรือบางครั้งก็ได้เล่นกับเพื่อน  เป็นการเปิดโอกาสให้ฮงได้ทำงานเก็บกวาด ถู ห้อง พร้อมทั้งทำความสะอาดในห้องพัก

          ฮง ทำอะไร เสียงครู พร้อมกับยื่นหน้าไปดูที่ห้องพัก

          ครูเห็นฮงกำลังพับผ้าทุกผืนอย่างเป็นระบบ แยกเสื้อผ้าของแต่ละคนไว้เป็นกอง  เตรียมเอาผ้าที่หลานฉี่รดไปซักพร้อมกับเสื้อผ้าที่พ่อแม่ใส่ในวันนี้

          ส่วนจาน ชามก็ เรียงไว้ ในกระป๋องสีอย่างเป็นระเบียบ คว่ำไว้ใช้น้ำหยดให้แห้ง

          เครื่องใช้เช่นหม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า ก็เช็คให้แห้ง  เตรียมการทำอาหารเย็น

          เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่เห็นชัดมีเพียง พัดลมสองตัวเล็ก

          ตลับสายไฟฟ้า เป็นปลั๊กสามตาที่ห้อยลงมาข้างฝา

          ห้องพักห้องเดียวเป็นทุกอย่าง เป็นห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร และห้องนอน ห้องสารพัดประโยชน์ แต่ดูสะอาดกว่าห้องอื่น 

          รองเท้าหน้าห้องก็วางอย่างเป็นระเบียบ เช็คจนสะอาด

          ฮงตะโกนบอกครูว่างานเกือบเสร็จแล้ว รอแม่ซื้ออาหารมา

          เดี๋ยวผมไปเรียนหนังสืออีกนะครู  ครูเปิดอีกครั้งตอนกี่ทุ่ม เรียนเสร็จแล้วผมกับน้องขอดูทีวีที่ศุนย์เด็กก่อสร้างได้ไหมครับ

          ได้ ทำงานกันเสร็จก่อน

          พ่อกับแม่ฮงจะกลับมาถึงประมาณหกโมงเย็น เลิกงานที่ไซด์ก่อสร้างประมาณ ห้าโมงครึ่ง เดินกลับมาถึงบ้านพักใช้เวลาครึ่งชั่วโมง

          แม่ก็จะทำกับข้าว วันนี้ผัดผักใส่ไก่กับน้ำพริกตาแดง แม่เก็บยอดกระถินข้างทางมาด้วย

          พ่อก็ไปอาบน้ำ แล้วนั่งคุยกับเพื่อน เพื่อน คนงาน

          เวลาทุ่มหนึ่งทุกคนก็เข้ามากินข้าวในห้องพัก

          น้องจันตรีกับแม่เมื่อกินข้าวเสร็จก็พากันไปอาบน้ำ

          หลานชวิท พี่สาวก็เอาไปอาบน้ำพร้อมซักเสื้อผ้าของหลาน

          ฮงกับเฮียง  ฮงจะเอาจาน ชาม พร้อมเสื้อผ้าของพ่อแม่ของตัวเองและเฮียงไปซัก

          เฮียง จะเก็บกวด ถู ห้องพัก และเตรียมที่นอนในห้อง

          เมื่อเสร็จงานทั้งสองคนก็เกือบสองทุ่มทุกวัน



          ทั้งสองคนวิ่งมาที่ศูนย์เด็กอีกครั้ง อ่านและหัดเขียน ของดูหนังในทีวีจนถึงประมาณ สามทุ่มครึ่งก็จะวิ่งไปห้องพักเข้านอน  เอาแรงที่จะทำงานอย่างนี้ต่อในวันพรุ่งนี้

          ฮง กับ เฮียง เหนื่อยไหม  ทั้งสองคนบอกครูว่าเหนื่อยก็ต้องทน เพราะถ้าอยู่กัมพูชาสองพี่น้อง ก็อยู่ห่างจากพ่อแม่ พี่สาว  อยู่กันแค่สองคน  ไม่มีอะไรจะกิน  ไปโรงเรียนก็แค่หนึ่งวัน  เล่นก็ไม่สนุก เพราะคิดถึงครอบครัว

          แต่เธอทั้งสองคนมาอยู่เมืองไทย ทำงานหนักนะ

          ฮง บอกเสียงดังว่า เด็กกัมพูชาทุกคนต้องทำงานหนักเพื่อครอบครัว  เราอยากมีเงินไปสร้างบ้าน อยากมีของกิน อยากมีรายได้ หนักแค่ไหนก็ต้องทำ ครับครู

          มีบ้างบางวันที่ทั้งสองคนมีเวลาว่างก็จะวิ่งเตะฟุตบอลหรือเตะตระกร้อกับเด็กรุ่นเดียวกัน  นั้นหมายถึงงานทุกอย่างต้องเสร็จ

          ฮงบอกกับครูว่า ผมถูกสอนมาว่ามันเป็นหน้าที่ ที่ผมต้องทำ  เพราะยังไม่มีรายได้เข้าบ้าน  ต้องช่วยกันเพื่อไม่ให้คนที่หาเงินได้ต้องเหนื่อย

          เพื่อนรุ่นเดียวของฮง ส่วนมากเป็นผู้หญิง การทำงานแบบนี้เป็นหน้าที่ของเด็กผู้หญิงไม่ใช้หรือ

          ฮงบอกว่า ครอบครัวผมมีพี่สาวคนเดียวมีลูกแล้วมีครอบครัว เขาต้องทำงานด้วย  ถ้าผมไม่ทำแล้วใครจะทำ

          ครูถามต่อว่าฮงไม่อยากเรียนต่อหรือในระบบหรือ  ผมอยากเรียนแค่สื่อสารกับคนไทยได้ เขียนชื่อตัวเองเป็น ผสมคำได้บ้าง  แล้วก็ทำงานก่อสร้างเหมือนพ่อแม่ เก็บเงินให้เยอะไปปลูกบ้านที่กัมพูชา ผมพอแล้วครู

          ผมต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวผมดีขึ้น  พ่อผม ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รักครอบครัวมาก  ผมอยากเป็นเหมือนพ่อ

          หน้าที่ทำงานบ้านทุกอย่าง เลี้ยงน้อง น้องหลาน มันเป็นงานของผู้ใหญ่ แต่ผมต้องทำเพราะมันคือหน้าที

          ครูได้แต่พยักหน้าแต่ในใจเอาเด็กมาเลี้ยงเด็ก เอาเด็กมาทำงานแทนผู้ใหญ่  มันคือ “ทาสรับใช้ในครอบครัวดี ดี”  ชัดเจน  อ้างคำว่าเป็นหน้าที่